เป็นอีกหนึ่งโรคที่กำลังระบาดอยู่ช่วงนี้ จริงๆ แล้วเป็นโรคที่สามารถติดต่อ หรือเป็นกันได้ตลอด เพราะเป็นโรคติดต่อทางเดินอาหาร ตามโรงเรียน หรืออนุบาลที่มีเด็กๆ อยู่รวมกันเยอะๆ ต้องระวังให้มากโดยเฉพาะเรื่องความสะอาด สุขอนามัย ตอนนี้เห็นว่ามีเด็กๆ ป่วยกันเยอะ ยิ่งต้องระวังให้มาก วันนี้เรามาทำความรู้จักกับอาการท้องเสีย หรือ โนโรไวรัสกันเถอะ
การติดเชื้อท้องเสียโนโรไวรัส (Norovirus) ซึ่งมีชื่อเดิมว่า Norwalk virus เป็นสาเหตุของการระบาดของการติดเชื้อท้องเสียที่ไม่ใช่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ที่พบบ่อยที่สุดในโลก การติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จะเกิดขึ้นจากการรับประทานอาหาร น้ำดื่มที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อน หรือผ่านการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีการปนเปื้อน เช่น จาน ชาม ช้อน นั่นเอง
อาการการติดเชื้อท้องเสียโนโรไวรัส (Norovirus) ที่พบบ่อยคือ
-คลื่นไส้ อาเจียน ค่อนข้างรุนแรง
-ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
– ปวดท้อง
-ปวดศีรษะ
-มักมีไข้ต่ำๆร่วมด้วย แต่บางรายอาจมีไข้สูง 38-39 องศาเซลเซียสได้
-อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว
แม้ว่าอาการคลื่นไส้อาเจียนจะดูรุนแรงพอสมควร แต่การตรวจร่างกายมักจะไม่มีอาการปวดเฉพาะที่หรือปวดเกร็งของหน้าท้องในการตรวจร่างกาย ทำให้พอวินิจฉัยแยกโรคจากสาเหตุอื่นๆที่มีอาการและอาการแสดงที่คล้ายกัน เช่น ภาวะลำไส้กลืนกัน ไส้ติ่งอักเสบ การติดเชื้ออาหารเป็นพิษด้วยเชื้ออื่นๆ สำหรับรายที่มีอาการอาเจียนและถ่ายเป็นน้ำเยอะ ผู้ป่วยอาจมีอาการของการขาดน้ำ เช่น มีไข้ ดูเพลียมาก มีชีพจรเบาเร็ว และมีความดันโลหิตต่ำได้
การรักษาการติดเชื้อท้องเสียโนโรไวรัส (Norovirus) ในปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะเจาะจงในการขจัดเชื้อไวรัสนี้ การรักษาจึงเป็นการดูแลตามอาการ และส่วนใหญ่อาการต่างๆจะดีขึ้นได้ในเวลา 3-4 วัน
- ในรายที่อาการไม่รุนแรง ก็ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ (โอ อาร์ เอส) หรือที่เรียกกันว่า เกลือซอง สำหรับดื่มในกรณีที่มีอาเจียนและท้องเสีย ทานอาหารอ่อน และ ให้ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง ตามอาการ
- ในรายที่มีภาวะขาดสารน้ำค่อนข้างมาก หรือมีอาเจียน ปวดท้อง และถ่ายตลอด ก็อาจเกิดอันตรายจากการขาดน้ำทำให้เกิดช็อค ความดันโลหิตต่ำ และเสียชีวิตได้ จึงควรพิจารณาให้เข้ารับการรักษาตัวใน ร.พ. ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด
ผู้ป่วยที่จะมีโอกาสเกิดอันตรายจากการขาดน้ำได้แก่ ผู้ป่วยเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวต่างๆอยู่แล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ
การป้องกันโดยทั่วไปคือการใส่ใจในสุขอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ จะช่วยลดปัญหาการติดเชื้อนี้ได้ เพราะเป็นโรคที่ติดต่อง่ายมาก วิธีป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ คือ
1.ล้างมือให้สะอาดหลังการใช้ห้องน้ำหรือเปลี่ยนผ้าอ้อม
2.หลีกเลี่ยงน้ำ และอาหารที่ไม่สะอาด เพราะเชื้อจะสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะในน้ำได้นาน
3.ล้างผักและผลไม้ก่อนรับประทานอาหาร
4.ปรุงอาหารให้สุก
5.ทิ้งเศษอาเจียนและอุจจาระอย่างระมัดระวังโดยใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆซับไม่ให้มีการฟุ้งกระจาย และทิ้งลงในถุงพลาสติก
6.ฆ่าเชื้อไวรัสในพื้นที่ปนเปื้อนด้วยสารละลายคลอรีน
7.ผู้ป่วยงดการทำอาหาร เพราะคุณสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ใน 3 วัน
8.เด็กควรงดไปโรงเรียนหรือสถานที่รับเลี้ยงเด็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
9.หลีกเลี่ยงการเดินทางจนกว่าจะหายดี